“ธรรมนัส” รอด ไม่มีลักษณะต้องห้ามสมัคร ส.ส. ชี้เทียบเคียงคำวินิจฉัย ตปท.ไม่ได้

“ธรรมนัส” รอด ศาลรธน.ตีความ ลักษณะต้องห้ามสมัคร ส.ส. ตามรธน.บัญญัติ หมายความถึงศาลในประเทศเท่านั้น ชี้เทียบเคียงคำวินิจฉัย ตปท.ไม่ได้ 

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์  สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนดประเด็นวินิจฉัย คือ 1.สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงหรือไม่ นับแต่เมื่อใด 2. ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หรือไม่ นับแต่เมื่อใด 

โดยศาลเห็นว่า ก่อนสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ร.อ.ธรรมนัส รับว่าเคยต้องคำพิพากษา ว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลแขวงนิวเซาท์เวลส์ เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งมีข้อที่ต้องพิจารณาว่าข้อที่ว่าเคยต้องคำพิพากษา หมายความถึงความพิพากษาของศาลไทยเท่านั้นหรือไม่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ซึ่งหมายถึงอำนาจอธิปไตยคือมีความเด็ดขาดสมบูรรณ์ ไม่อยู่ในอาณัติของรัฐอื่น การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจตุลาการซึ่งเป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตย ย่อมไม่ตกอยู่ในอาณัติหรืออำนาจของตุลาการรัฐอื่น ดังนั้นการบังคับตามคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ การตีความคำพิพากษาของศาลต่างประเทศให้มีสถานะทางกฎหมายเช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลไทยจึงไม่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว เพราะตามหลักอธิปไตยของรัฐ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ คำพิพากษารัฐใดก็จะมีผลในรัฐนั้น

แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ร.อ.ธรรมนัส เคยต้องคำพิพากษาของศาลต่างประเทศก่อนสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แต่ไม่ใช่คำพิพากษาของศาลไทย ร.อ.ธรรมนัส จึงไม่เป็นลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(10) สมาชิกภาพ ส.ส.ไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรี ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) 

แสดงความเห็น