‘สมชาย ชวยบุญชุม’ สู่สถานะ ‘มือปืนรับจ้าง’

DST.Special Report : สำหรับบางคน อาจมองว่า การที่ “น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม บรมกุนซือเลือดไทย ไม่ได้ไปต่อกับ “พญาไก่ชน” หนองบัว พิชญ เอฟซี ต่อสู้บนลีกสูงสุดในฤดูกาลหน้า 

ทั้งที่พาทีมเป็นแชมป์ไทยลีก 2 ด้วยสถิติพ่ายเพียงนัดเดียวทั้งฤดูกาลมัน “ทารุณหัวใจ” เกินไป

ยิ่งการที่ “น้าฉ่วย” เลือกที่จะไม่พูดอะไรเสียๆ หายๆ ให้แก่สโมสรที่กระทำเหมือน

เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพลด้วยแล้ว ยิ่งเกิดความสงสาร

เคสของ “น้าฉ่วย” เหมือนกับการที่หลายสโมสรเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา หรือปล่อยนักเตะที่ต่อสู้ฝ่าฟันจนพาทีมเลื่อนชั้นออกไป และเลือกไปช้อปนักเตะใหม่

ไม่แปลกที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะสังคมไทย เรายึดถือเรื่องบุญคุณ และให้ความสำคัญกับคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

หากแต่ในมุมกลับกัน ในมุมผู้บริหารที่เป็นคนได้-เสีย กับทุกๆ ผลประโยชน์และผลกระทบของทีม คนเหล่านี้ต้องการพัฒนาทีมไปข้างหน้า จึงจำเป็นต้องตัดมิติข้างต้นออกไป 

แน่นอนว่า หลายสโมสรตัดสินใจถูก แต่เช่นเดียวกันก็มีอีกหลายสโมสรที่ตัดสินใจผิดพลาด “ของใหม่” ไม่ได้ดีกว่า “ของเก่า” ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผู้บริหารและทีมต้องรับสภาพกันไป

สำหรับ “น้าฉ่วย” แม้จะว่างงาน แต่เชื่อว่า ชีวิตหลังจากนี้คงไม่ได้อยู่บ้านเลี้ยงหลานแน่นอน เพราะหลายทีม โดยเฉพาะทีมจากลีกพระรอง หรือลีกสาม จ้องตาเป็นมัน

คำถามที่หลายคนสงสัยว่า “น้าฉ่วย” ดีไม่พอสำหรับลีกสูงสุดแล้วหรือ มันก็ต้องลงรายละเอียดไปอีกว่า 

ดีในที่นี้ คือ ดีแบบใด เพราะการคุมหลายๆ ทีมในไทยลีก 1 ไม่ได้ก็ล้มเหลว

แต่ละทีมที่ “น้าฉ่วย” เคยคุมในไทยลีก 1 มักไม่ได้เป็นบิ๊กเนม ส่วนใหญ่เป็นสโมสรที่มีงบประมาณจำกัด และเกือบทุกทีม มักดิ้นรนหนีตกชั้นในทุกๆ ปี

ภารกิจที่ “น้าฉ่วย” ได้รับตอนคุมทีมในไทยลีก 1 เกือบๆ จะคล้าย “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก นั่นคือ เข้าไปเป็นม้ากลางศึกเพื่อกู้วิกฤติ 

ถามว่า มันดีพอหรือไม่ คงต้องตอบว่า ถ้างบประมาณจำกัด “น้าฉ่วย” จะทำได้ตามมาตรฐานที่วัตถุในมือเอื้ออำนวย หรือถ้าต้องเข้าไปกู้วิกฤติ ก็ถือว่าพึ่งหวังได้

แต่สำหรับไทยลีก 2 ภารกิจของ “น้าฉ่วย” ต่างกับตอนไทยลีก 1 ริบรับ ที่นี่ผู้ชายที่ชื่อ “สมชาย ชวยบุญชุม” ตัวใหญ่และน่าเกรงขาม 

ภารกิจในลีกพระรองของ “น้าฉ่วย” คือ การล่าแชมป์ เลื่อนชั้น ต่อให้งบประมาณจะมีจำกัดแค่ไหนก็ตาม ดูตอนอยู่ศรีสะเกษ เอฟซี โดนตัดแต้มแล้วตัดแต้มอีก แต่ยังพาทีมลุ้นเลื่อนชั้นถึงนัดสุดท้าย

เปรียบเทียบให้เห็นภาพฝีมือ “น้าฉ่วย” ในสายตาของผู้บริหารคือ อยู่ตรงกลาง ระหว่างท่อนล่างของตารางไทยลีก 1 กับหัวตารางไทยลีก 2 

ดังนั้น “น้าฉ่วย” ยังคุมทีมไทยลีก 1 ได้มั้ย คำตอบคือ ยังได้อยู่ ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของทีม

ถามว่า “น้าฉ่วย” เก่งมั้ย คำตอบคือ ถ้าไม่เก่งคงไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เก่งระดับไหนนั่นคือ อีกเรื่องหนึ่ง

บางทีการที่หนองบัว พิชญ เอฟซี เลือกจะแยกทางกับ “น้าฉ่วย” ก็มองอยากจะไปได้ไกลกว่าท่อนตารางล่างในไทยลีก 1 ก็เป็นได้

สำหรับภาพ “น้าฉ่วย” วันนี้ หากจะเปรียบคงไม่ต่างอะไรกับ “มือปืนรับจ้าง” คือ ไม่จ้างเข้ามากู้วิกฤติในไทยลีก 1 ก็จ้างเพื่อให้เลื่อนชั้น

ปิดจ๊อบก็แยกย้ายกันไป.

______________

เรียบเรียงโดย : วนิลาสกาย
ขอบคุณภาพ : สโมสรหนองบัวพิชญ เอฟซี

แสดงความเห็น