นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้เกาะติดการบริหารจัดการวัคซีน และการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มาโดยตลอด ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac จำนวน 6 ราย ที่ จ.ระยอง และที่ จ.ลำปาง ซึ่งเดิมรายงานว่าพบผู้ที่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง อาจมีมากถึง 40 คน แต่ต่อมามีรายงานยืนยันว่ามีทั้งสิ้น 10 คน โดยผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ จ.ระยอง ได้รับวัคซีน Sinovac หมายเลขล็อตที่ J202103001 ในขณะที่ผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่ จ.ระยอง ได้รับการฉีดวัคซีนหมายเลขล็อตที่ J202103002 ซึ่งเข้าใจว่าเป็นล็อตการผลิตที่อยู่ติดกันนั้น
นายวิโรจน์ กล่าวว่าจากกรณีที่เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่า อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นนี้ มีความเกี่ยวข้องกับคุณภาพของวัคซีน Sinovac ในกลุ่มล็อตการผลิตที่ J202103xxx หรือไม่ หรือเป็นอุบัติการณ์ที่พบได้ทั่วไป มีสถิติการพบนั้นมีค่าสูง หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่พบจากการฉีดวัคซีนโดยทั่วไป มีสมมติฐานว่าผลข้างเคียงดังกล่าวนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดกับกลุ่มประชากรกลุ่มใดเป็นกรณีเฉพาะหรือไม่ ประเทศอื่นที่ใช้วัคซีน Sinovac พบอุบัติการณ์ในลักษณะนี้หรือไม่ และความมีข้อบ่งชี้ หรือคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างไรบ้างในการฉีดวัคซีน Sinovac ให้กับประชาชนต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ประชาชนยังคงรอคำตอบที่ชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นต้องสอบสวนข้อเท็จจริง และแถลงให้ประชาชนทราบอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
“การแถลงสั้นๆ เพียงแค่ว่า ยังไม่ระงับการฉีดวัคซีน Sinovac นั้น ไม่อาจที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้”
นายวิโรจน์ ย้ำว่า ประชาชนยังไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปต่อข่าวผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนี้ เพราะผลข้างเคียงในลักษณะนี้ หากติดตามข่าวการฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ที่ฉีดมาก่อนหน้าประเทศไทย ก็เป็นอุบัติการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เหตุที่ประชาชนรู้สึกกังวล และตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เป็นเพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยให้ความคิดเห็นที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา โดยค่อนขอดการฉีดวัคซีนของประเทศในแถบยุโรป ว่าฉีดแล้วปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งๆ ที่ผลข้างเคียงดังกล่าว เป็นผลข้างเคียงที่เป็นอุบัติการณ์ที่เกิดขึ้นได้ จนทำให้ประชาชนรู้สึกว่าผลข้างเคียงใดๆ ในทุกกรณี ที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน นั้นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างร้ายแรง ทั้งๆ ที่ผลข้างเคียงจำนวนไม่น้อย เป็นผลข้างเคียงชั่วคราว ที่แพทย์สามารถดูแลรักษา ให้กลับมาเป็นปกติได้ ไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่ร้ายแรงในทุกกรณี ต้องยอมรับว่าความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นกับการฉีดวัคซีน Sinovac ในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมของนายอนุทิน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข คงต้องเร่งสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อคลายความกังวลที่มากเกินไป จนขาดความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีน ของประชาชนต่อกรณีดังกล่าว วิโรจน์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงกรณีวันหมดอายุที่ข้างกล่องวัคซีน Sinovac ที่แตกต่างกัน ที่เกิดขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยจากภาพ ปรากฏว่าบางกล่องระบุว่าวัคซีนมีอายุ 6 เดือน บางกล่องระบุว่ามีอายุ 3 ปี บางกล่องมีการขีดฆ่าแล้วแก้ปี พ.ศ. ใหม่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทที่ระบุว่าวัคซีน Sinovac นั้นมีอายุในการเก็บรักษาในบรรจุภัณฑ์ในเบื้องต้นอยู่ที่ 12 เดือน โดยในประเด็นดังกล่าวนี้ กระทรวงสาธารณสุข คงต้องเร่งชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ที่พบที่ จ.เชียงใหม่ นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายถึงสาเหตุต่อไปว่า เหตุใดจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนหรือไม่ อย่างไร และควรตัดสินใจอย่างไร ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดำเนินการแก้ไข และป้องกันอย่างไร
ทั้งนี้ นายวิโรจน์ได้ย้ำต่อกรณีนี้ว่า เป็นการดีที่ประชาชนสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีน แต่อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป ขอให้รอฟังการชี้แจงจากกระทรวงสาธารณสุข น่าจะเป็นการดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ก็มีความจำเป็นต้องเร่งชี้แจง และอธิบายข้อเท็จจริง ให้กับประชาชนทราบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจ และมีความมั่นใจในกระบวนการการฉีดวัคซีนเช่นกัน