กรมคุ้มครองสิทธิ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ร่วมถึงคดีของนายบิลลี่ รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จัดโครงการคุ้มครองสิทธิ เพื่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเท่าเทียม โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา อาทิ กรณีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่ได้หายตัวไป โดยญาติเชื่อว่า สูญหายไปโดยถูกบังคับ ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอหน่วยงานที่รับผิดชอบคดีนี้ ได้เข้ามาดูแล ออกมายืนยันว่า บิลลี่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งจากคดีดังกล่าวเข้าข่ายลักษณะเป็นการฆาตกรรมโดยทรมานและบังคับบุคคลให้สาบสูญที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จึงได้มีการมอบเงินให้กับครอบครัวของบิลลี่จำนวน 1 แสน 4 หมื่นบาท 

โดยนายสมศักดิ์  ระบุว่ากระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความความยุติธรรม เช่นการไกลเกลี่ยให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือเยียวยาบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากคดีอาญาต่างๆ ทั้งผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ที่เรียกว่า เหยื่ออาชญากรรม และผู้เสียหายที่เรียกว่า “แพะ” ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้รับเงินงบประมาณจากทางรัฐบาลกว่า 3 ร้อยล้านบาทและในปีนี้ได้รับเพิ่มเติมเป็นงบสำรองอีกจำนวน 17 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินเยียวยาให้กับบุคคลดังกล่าว

ด้านนางพิณนภา พฤกษาพรรณ  หรือ มึนอภรรยาของบิลลี่ หนึ่งในกรณีผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ระบุว่า ครอบครัวได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 140,000 บาท ซึ่งจะเก็บไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกทั้ง 5 คน วางแผนไว้ว่าให้เด็กๆได้เรียนหนังสือในระดับที่สูงๆ ส่วนเรื่องคดีนั้นต้องขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอที่ทำให้ทราบว่าบิลลี่ถูกฆาตกรรม พร้อมทั้งอยากฝากให้ช่วยติดตามคนร้ายตัวจริงมาลงโทษให้ได้แต่ยังรู้สึกกังวลอาจมีผู้มีอำนาจเข้ามาเเทรกแซงในสำนวนคดี

ส่วนการดูแลความปลอดภัยได้มีเจ้าหน้าที่มาช่วยคุ้มครองไม่วิตกกังวลมากนัก นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่บิลลี่ไม่อยู่ตนรู้สึกลำบากเพราะต้องแบกภาระความรับผิดชอบดูแลครอบครัวคนเดียว

นอกจากนี้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพยังมอบเงินเยี่ยวยาในคดีอาญาทั่วไปให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจาก 12 จังหวัด อีกจำนวน 217 ราย เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 13 ล้านบาท

แสดงความเห็น