ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,000 ล้านบาท ในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร รวม 9 คน กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยศาลเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้องแต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกลับมิได้มีการดำเนินสอบสวนให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดจากการทุจริต อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีรับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยูเพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งกระทรวงการคลังก็รับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลการพิพากษาในวันนี้เป็นคุณกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ หากกระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น ว่า เราต้องเตรียมความพร้อม เพราะว่าเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลปกครอง แต่สิ่งที่สำคัญจากคำพิพากษาในวันนี้ นอกจากการเพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดใช้เงิน ยึด และอายัดเงินแล้วนั้น คือในคำพิพากษา ระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีส่วนในการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยจะนำคำพิพากษาศึกษาอย่างละเอียดเพื่อการต่อสู้ครั้งต่อไป