“เศรษฐพงค์” ขอบคุณ “เฉลิม” ห่วงใยเปิดกัญชาเสรี วอน เปิดข้อมูลคนแอบปลูก – ยันทำเป็นขั้นตอน และศึกษารอบคอบ

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ทบทวนนโยบายเปิดกัญชาเสรีว่า ต้องขอขอบคุณ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้ออกมาแสดงความห่วงใยต่อนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งท่านถือเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่ตนเคารพคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามการที่จะพูดถึงนโยบายกัญชาเสรีที่ทำแบบสมบูรณ์ในตอนนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไป เพราะนโยบายนี้มีขั้นตอนดำเนินการอยู่ ซึ่งนายอนุทิน ก็ได้พูดชัดเจนถึงขั้นตอนการทำนโยบายนี้ โดยนโยบายเปิดกัญชาเสรีและทุกนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ผ่านการศึกษา เก็บข้อมูลอย่างรอบด้าน มีแนวทางปฏิบัติและแก้ปัญหาอย่างครบถ้วน สามารถดำเนินการได้จริง ผ่านการแก้ไขและออกกฎหมาย 

ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอนโยบายนี้ตั้งแต่การเลือกตั้ง กระทั่งได้ ส.ส.เข้ามาถึง 51 คน แน่นอนว่าประชาชนจับตาดูการดำเนินนโยบายนี้ และจะเห็นได้ว่า นายอนุทิน เอาจริงกับเรื่องนี้ จนสามารถผลักดันให้กัญชาเสรีเป็นนโยบายของรัฐบาลได้ โดยต้องเริ่มจากทางการแพทย์ก่อน ที่ต้องผลักดันใช้รักษาผู้ป่วยได้หมด แล้วพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต ได้ทั้งช่วยคนป่วยและเพิ่มรายได้ให้ประชาชนไปพร้อมๆกัน

ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นห่วงเรื่องการอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้บ้านละ 6 ต้น จะควบคุมไม่ได้นั้น เรื่องนี้ได้มีการศึกษาอย่างรอบคอบก่อนที่จะออกเป็นนโยบาย ซึ่งก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนให้อนุญาติให้ประชาชนปลูกได้นั้น ระหว่างการดำเนินนโยบายนี้จะมีการให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน หลักเกณฑ์การใช้ การปลูก อีกทั้งก่อนจะอนุญาตให้ประชาชนปลูกได้จริง จะต้องมีมาตรการควบคุมที่รอบคอบ ซึ่งการทำนโยบายนี้จะต้องทำควบคู่กันไปทั้งการเร่งทำเพื่อใช้ในการรักษา  พร้อมกับให้ความรู้ประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมการยกระดับเป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต

พ.อ.เศรษฐพงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่ามีข้อมูลว่ามีกลุ่มคนหรือนักการเมืองไปปลูกกัญชาไว้ที่ประเทศเพื่อนบ้านว่า  ตนเองไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ท่านเฉลิมอาจจะเป็นนายตำรวจเก่า ที่มีแหล่งข่าวได้ข้อมูลเชิงลึกนี้มา ตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ท่านได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา นำข้อมูลดีๆมาเปิดเผย  และจะขอบคุณมากหากท่านจะได้ช่วยส่งข้อมูลอย่างละเอียดให้กับทางรัฐบาล เพื่อจะได้ช่วยกันระวังป้องกันไม่ให้กัญชาไหลเข้าประเทศ ที่จะสร้างความเสียหายทั้งสังคมและเศรษฐกิจ ในส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับอนุสัญญายูเอ็นที่ว่ากัญชายังถูกระบุเป็นยาเสพติดนั้น เรื่องนี้ต้อหารือกันต่อไป แต่ในส่วนที่จะใช้ทางการแพทย์นั้น สามารถให้กระทรวงแก้ไขกฎ ระเบียบ และบังคับให้สามารถทำได้เลย สุดท้ายคือต้องปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้นโยบายนี้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อประชาชนที่สุด

แสดงความเห็น