“เศรษฐพงค์” ชี้ อย่ามองแค่รายได้จากการประมูลคลื่นความถี่แต่ต้องมองภาพรวมที่ปชช.จะได้ “ไตรรัตน์” แจง กสทช. เตรียมพร้อมประมูลได้ในปีหน้า พร้อมหาแนวทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
ที่รัฐสภา พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารับทราบรายงานผลปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2562 ว่า การดำเนินงานของกสทช. มีผลต่อเนื่องไปยังอนาคต ในบทสรุปที่ตนจะขอเน้น คือการกำหนดนโยบายการบริหารคลื่นความถี่ให้เพียงพอต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินการกิจการดาวเทียมเพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความเกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ วันนี้ทาง กสทช.มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารดาวเทียมสื่อสาร ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญที่จะเข้าสู่กิจการอวกาศ ทางกสทช.ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนากิจการอวกาศ โดยการสนับสนุนการสร้างดาวเทียมขนาดเล็ก ซึ่งตนคิดว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และควรดำเนินการต่อไป เนื่องจากกิจการอวกาศนั้นเป็นสิ่งใหม่ของโลก ในประเทศไทยยังไม่ได้มีการเตรียมการเรื่องนี้อย่างชัดเจน ซึ่งคนรุ่นใหม่จะต้องเตรียมบุคลากร รองรับอาชีพใหม่ๆ ดังนั้นตนคิดว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่กิจการอวกาศนั้น ทางกสทช.ควรจะต้องมีการเตรียมงบประมาณ สนับสนุนการพัฒนา การวิจัย การสร้างสิ่งใหม่ๆในด้านอุตสาหกรรมใหม่นี้ ขอฝากทาง กสทช.ให้ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ในปีต่อไปด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ในประเด็นการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G การประมูลคลื่นความถี่ 5G ได้สำเร็จไปแล้ว ซึ่งพวกเราคงได้เห็นการประมูลสำเร็จแล้วก็จริง ซึ่งการประมูลคลื่นความถี่มีรายได้มหาศาลเข้ารัฐ แต่ไม่ได้เป็นการบ่งบอกถึงความสำเร็จในการบริหารคลื่นความถี่ของ กสทช. เพราะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่ความสำเร็จของการบริหารที่แท้จริงนั้น คือการสร้างโครงข่ายไปสู่ธุรกิจ ไปสู่ประชาชน ให้ประชาชนได้รับประโยชน์ที่แท้จริง ดังนั้น กสทช.ยังต้องติดตามผลการประมูลคลื่นความถี่ ว่ามีการวางโครงข่ายในทุกคลื่นความถี่ ตนมีความห่วงใย เนื่องจากการประมูลที่ผ่านมานั้นมีผู้ประกอบการที่เป็นรัฐวิสาหกิจถึง 2 บริษัท ทั้ง CAT และ TOT ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองบริษัทได้ใบอนุญาตจาก กสทช.ด้วยการประมูล ดังนั้น กสทช.ควรติดตามอย่างใกล้ชิด ในการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะงานของรัฐวิสาหกิจอาจจะไม่มีความคล่องตัวเหมือนบริษัทเอกชน ที่กสทช. เคยปฏิสัมพันธ์มาก่อน อย่างคลื่น 700 MHz ที่ CAT ได้ไป ก็ยังไม่เห็นแผนงานที่ชัดเจน ตนจึงของฝากทาง กสทช. ช่วยทำให้ระบบนิเวศของคลื่นมีความเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์
“ในเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ รัฐบาลมองถึงความสำคัญของรายได้จากการประมูล แต่ตามที่ผมได้พูดไปแล้วว่า ความสำเร็จนั้น จะต้องเป็นเรื่องของมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม คุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น กสทช.จะต้องมุ่งเน้นในเรื่องการบริหารคลื่นความถี่ และอยากให้เตรียมการ ศึกษาในภาพจริงเพราะระบบ C Band หรือย่านความถี่ 3.5 GHz กำลังจะหมดสัญญาในปี 2564 อยากให้ กสทช.เตรียมพร้อมว่าจะมีการประมูลอย่างไร และจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร นี่คือภารกิจของ กสทช. ที่สำคัญในการดำเนินการในปีต่อๆไป” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว
ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. สายงานยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ชี้แจงว่า ขอขอบคุณในคำแนะนำต่อกสทช. เรื่องการจัดสรรคลื่นความถี่ที่เกี่ยวกับดาวเทียมคลื่น 3500 MHz ขณะนี้เราได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อติดตามกิจการโทรคมนาคม โดยเฉพาะ 5G ซึ่งมี 3 ข้อที่เราจะทำ คือ
1.ในด้านเทคนิค คือการศึกษาคลื่น 3500 MHz จะเป็นการรบกวนกันระหว่างกิจการดาวเทียมกับกิจการโทรคมนาคมหรือไม่ ต้องใช้การ์ดแบนด์เท่าไหร่ ตรงนี้กำลังศึกษากันอยู่
2.การเตรียมสำรวจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับจานดำ ที่มีผลต่อประชาชนจะมีทั้งหมดกี่ครัวเรือน และจะต้องมีการเยียวยาอย่างไร 3.การเตรียมการเรื่องการประมูลคลื่น 3500 MHz กำลังร่างหลักเกณฑ์และประกาศต่างๆให้ครบถ้วนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการใช้คลื่นความถี่ คณะทำงานคาดว่าแผนดังกล่าวและผลการดำเนินงานจะเสนอ กสทช.ได้ภายในสิ้นปี และจะเริ่มประมูลได้ในปีหน้า