รมว.ยุติธรรม จี้ ผบ.เรือนจำบางขวาง-ทั่วประเทศ จับตาผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตาย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีการขู่อุ้ม ภรรยาของผู้บัญชาการเรือนจำ ว่า ตนได้รับรายงานในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครยอมรับในแผนต่างๆได้ จากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น 2-3 เท่า เพราะเกิดอะไรขึ้นกับผู้คุมเรือนจำจะเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ตนเชื่อว่า ราชทัณฑ์จะเข้มงวดและสามารถสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยจากนี้ได้ เพราะคนที่พยายามแหกคุก สถิติที่ผ่านมาแทบจะจับกุมได้ทั้งสิ้น ไม่มีใครจะหนีรอดไปได้ง่าย แม้จะพยายามสุดท้ายก็กลับเข้าเรือนจำเช่นเดิม

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แถลงต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่าต้องการฆ่าตัวตายเพราะเครียด จากนี้เรือนจำบางขวางคงต้องสอดส่องเพิ่มเติม รวมถึงเรือนจำทั่วประเทศต้องสอดส่องผู้ต้องขังให้ดี เพราะเกรงว่าอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ผู้ต้องขัง มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายเพราะ 1. ศาลตัดสินให้จำคุกมีโทษกำหนดหลายปีและมีคดีเพิ่ม 2. ผู้ต้องขังมีความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังชีวิตล้มเหลวและสูญเสียอิสรภาพ และ 3. ผู้ต้องขังนั้นไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง ดังนั้นต้องจับตาอย่าให้เก็บของมีคมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายตัวเองได้ คอยสังเกตพฤติกรรม หากพบว่าจะมีการพยายามฆ่าตัวตายต้องรีบให้ความช่วยเหลือและป้องกันอย่างเร่งด่วน เพราะคนที่ฆ่าตัวตายนั้นสามารถลงมือได้ตลอดเวลาและหากพบว่าการพูดคุยในระหว่างวัน มีอาการแปลกที่ส่อไปทางซึมเศร้าก็รีบให้พบกับจิตแพทย์ 

“ผมขอย้ำว่าแนวทางปฏิบัตินี้ ผู้บัญชาการเรือนจำต้องสังเกตผู้ต้องขังทุกเรือนจำ ไม่ใช่เฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.บรรยิน รายเดียวเท่านั้น การพบผู้ต้องขัง 1 รายเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย อาจจะไม่มีความผิด แต่กรมราชทัณฑ์ต้องออกมาชี้แจงต่อสังคม ข้าราชการเองก็เสียเวลาที่ต้องทำข้อมูลเพื่อชี้แจง ดังนั้นหากใส่ใจตั้งแต่ต้นเราจะไม่พบปัญหา และผมไม่อยากเห็นผู้ต้องขังมาเสียชีวิตในเรือนจำ เพราะญาติพี่น้องเขาจะไม่สบายใจ” รมว.ยุติธรรม กล่าว

แสดงความเห็น