รมว.ยุติธรรม ย้ำ แนวทางปิดจุดอ่อน สืบพยานต่อหน้าศาล ลดเวลาไม่ให้แอบขอยอมความ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ครู 5 คนและรุ่นพี่ 2 คน ข่มขืนนักเรียนใน จ.มุกดาหารว่า เวลานี้ประชาชนเกิดความกังวลว่าเมื่อถึงตอนจบจะเหมือนกับมวยล้มต้มคนดู โทษควรจะถูกดำเนินคดีพิพากษาออกมาสูงๆ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเหลือนิดเดียว ตนคิดว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่เราเห็นว่าเป็นจุดอ่อนเพราะกระบวนการฟ้องศาลล่าช้า จึงคิดว่าทำอย่างไรจะให้เร็วขึ้น อาจจะใช้แนวทางของกฎหมาย ป.วิ อาญา มาตรา 237 ทวิ ให้ศาลใช้วิธีการสืบพยานก่อนฟ้อง ทำการสืบพยานต่อหน้าศาลขั้นตอนอื่น เมื่อสืบพยานเสร็จ จำเลยต่างๆที่จะมาล็อบบี้เจรจากับเจ้าทุกข์หรือญาติจะทำได้ยาก

“เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ถูกกระทำ เมื่อฝ่ายจำเลยถ้าเห็นเรื่องดังกล่าวเหล่านี้แล้วอาจจะรับสารภาพหรือยอมให้ศาลปรับ เสียค่าชดเชยต่างๆถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ไปแอบเจรจากัน ได้เงินเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ยอมความกัน ซึ่งมาตรา 237 ทวิ เป็นอำนาจพิเศษของอัยการที่จะขอต่อศาลได้ โดยให้ผู้เสียหายร่วมกับยุติธรรมจังหวัดไปยื่นคำร้องกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนยื่นไปที่อัยการ แล้วอัยการเห็นชอบก็ไปขอยื่นคำร้องไปถึงศาล ถ้าศาลรับเรื่องก็ใช้เวลาที่ศาลอาทิตย์เดียวจบเลย แต่ว่าก่อนที่ไปถึงศาลถึงขั้นตอนของตำรวจ อัยการเนี่ย ไม่รู้เท่าไร แต่เร็วกว่าแบบเดิมแน่นอน”

ส่วนที่คดีนี้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวคนละ 3 แสน ทำไมพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัว ทั้งที่คดีนี้มีอัตราโทษค่อนข้างสูงถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนเขาค้านอยู่ แต่ว่าศาลคงเห็นว่าจำเลยไม่ได้หนี ไปมอบตัวเอง อันนี้เป็นเรื่องเป็นดุลยพินิจของศาลไม่ไปก้าวก่าย ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ต้องหากับคนทำคดีนามสกุลคล้ายกันจึงทำให้ประกันตัวง่ายขึ้น ในทางกฎหมายของตำรวจ ตนคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรงนี้แน่นอน

เมื่อถามว่าทางกระทรวงยุติธรรมได้เน้นย้ำให้ยุติธรรมจังหวัดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างไรบ้างเพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมกับตัวเด็กผู้เสียหาย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยุติธรรมจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการดูเรื่องค่าเสียหายชดเชย และทางกระทรวงยุติธรรมได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปเยียวยาสภาพจิตใจตัวเด็กและครอบครัวด้วย มีทั้งมูลนิธิและเจ้าหน้าที่คุ้มครองพยาน ทุกคนเข้าไปทำหน้าที่อย่างเต็มที่ 

แสดงความเห็น